
Run Away If You Can
ห้องของผู้พิพากษารีแกนอยู่ที่ปลายทางเดิน เมื่อฉันเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ผู้พิพากษารีแกนกำลังขมวดคิ้วอ่านอะไรบางอย่างโดยสวมแว่นขยายไว้บนสันจมูก
“สวัสดีครับ”
เมื่อได้ยินเสียงของฉัน ผู้พิพากษารีแกนเงยหน้าขึ้นและพยักหน้า
“โอ้ มาแล้วหรือ ถึงเวลาแล้วสินะ?”
เขามองไปที่ผนัง ฉันยิ้มและตอบว่า
“ผมมาถึงก่อนเวลานิดหน่อยครับ ดูเหมือนทนายความฝั่งตรงข้ามยังไม่มา ฝั่งทนายจำเลยได้พูดอะไรบ้างหรือยังครับ?”
ผู้พิพากษารีแกนดูเหนื่อยล้า เขาเอานิ้วลูบตาผ่านเลนส์แว่นขยาย
“เรื่องคดีความ ฟังจากปากเขาเองดีกว่า อีกเดี๋ยวคงมา”
ราวกับตอบคำพูดของเขา เสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน ฉันเหลือบมองนาฬิกาโดยไม่รู้ตัว ยังเหลือเวลาอีกสองนาที
...หืม?
ฉันชะงักกะทันหัน เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้นแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
...ตั๊ก
มีเสียงแปลกปลอมปะปนอยู่ในจังหวะฝีเท้า เสียงเหมือนบางอย่างกระทบพื้น เป็นการเคาะพื้นอย่างสม่ำเสมอ
ตึก... ตั๊ก
ฉันหันไปมองประตูโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเสียงนั้นใกล้เข้ามา หัวใจฉันยิ่งเต้นเร็วขึ้นตามสัดส่วน เมื่อฝีเท้าสุดท้ายหยุดลงหน้าประตู นาฬิกาบนผนังชี้บอกเวลาสองนาฬิกาพอดี
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นอย่างแม่นยำ หลังจากหยุดชั่วครู่ ประตูก็เปิดออก ฉันกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว คิดถึงกลิ่นหอมหวานที่อาจลอยมา ขณะค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจ แต่กลับไม่มีกลิ่นใด ๆ ให้สัมผัส เสียงตั๊กดังขึ้นเมื่อเขาค้ำไม้เท้าลงพื้นก่อนจะก้าวเข้ามาในห้อง
“ท่านผู้พิพากษา”
นาธาเนียลทักทายผู้พิพากษารีแกนด้วยการโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนที่สายตาของเขาจะหันมาทางฉัน
“อัยการคริซซี่ จิน”
ฉันตกตะลึงกับการพบกันโดยไม่คาดฝัน มองเขานิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร ผู้พิพากษารีแกนถามด้วยความประหลาดใจ
“เจ็บอะไรรึ? เกิดอะไรขึ้น?”
สายตาของผู้พิพากษารีแกนสลับไปมาระหว่างการเดินที่ดูไม่สะดวกและไม้เท้าของนาธาเนียล เขามองมาที่ฉันแวบหนึ่งก่อนะกล่าวว่า
“ถูกแมวข่วนครับ”
ผู้พิพากษารีแกนทำหน้าตกใจและเอียงคอด้วยความสงสัย ส่วนฉันเผลอย่นหน้าโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ฉันนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่เขาเคยพูดเมื่อครั้งล่าสุดที่เจอกัน
-ครั้งหน้าจะแทงที่คอ
‘ครั้งหน้า’ ที่เขาว่านั้น ต้องหมายถึงตอนนี้แน่ ๆ ถ้าไม่มีพยานอยู่ด้วย
ฉันมองผู้พิพากษารีแกนที่ยังคงกระพริบตาด้วยความงุนงง และกัดฟันแน่น